Tuesday, January 16, 2007

Day 5 : (2 ม.ค. 50) พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะท่องเที่ยวกันในอียิปต์ แห่งแรกที่จะไปคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์














หน้าพิพิธภัณฑ์อียิปต์

ที่นี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในได้ (หากอยากได้จริง ๆ ก็ซื้อคู่มือพิพิธภัณฑ์จะดีกว่า เพราะชัดเจนกว่ามาก)
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอียิปต์ เป็นที่เก็บสรรพสิ่งนับแสนชิ้นที่ขุดค้นและยึดมาได้

ว่ากันว่าหากจะดูของที่ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ให้ครบทุกชิ้น ชิ้นละ 1 นาที จะต้องใช้เวลาถึง 9 เดือนทีเดียวถึงจะถ้วน
หันไปมองรอบ ๆ ดูเหมือนของเยอะจริง ๆ ะตั้งโชว์กันอย่างตามสบาย ไม่ได้อยู่ในตู้กระจกอย่างบางที่

เวลามีจำกัด ไกด์ของเราจึงพาเราชมแต่สิ่งที่สำคัญ เริ่มตั้งแต่แผ่นหินโรเซ็ตต้า ที่จารึกอักษร 3 ภาษาไว้ ทำให้เราสามารถแปลภาษาภาพอียิปต์ออก ของจริงอยู่ที่ลอนดอนจ๊ะ ที่เห็นอยู่นี้เป็น copy
แล้วพาเราย้อนอดีตไล่ไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ยุคอาณาจักรเก่า Old Kingdom อาณาจักรกลาง Middle Kingdom และอาณาจักรใหม่ New Kingdom ผ่านรูปสลักฟาโรห์มาหมาย หากรูปสลักฟาโรห์ที่ก้าวเท้าเยื้องย่าง แปลว่าสร้างขึ้นตอนมีชีวิตอยู่ และหากยืนเท้าชิดตรงแปลว่าสร้างตอนพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว
Hilight อยู่ที่ห้องสมบัติของฟาโรห์ตุตันคาเมน และห้อง Royal Mummy ทั้งสองห้องอยู่บนชั้นสองของพิพิธภัณฑ์
ก่อนจะถึงห้องสมบัติจะเป็นมหาสมบัติ เช่นเครื่องทองและเครื่องใช้ บัลลังก์ทอง ห้องพระศพทองคำ ส่วนภายในห้องสมบัติ สิ่งที่เห็นอันดับแรกคือตู้กระจกใส่หน้ากากปิดพระศพ สวยงามเหลือเกิน พระพักตร์ฟาโรห์งามจริง ๆ โลงพระศพทองคำอร่ามตา หนักกว่า 1 ตัน
ห้องสุดท้ายที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คือห้องแสดงมัมมี่ (Royal Mummy) ด้วยความเชื่อว่าซักวันจะฟื้นคืนกลับมา ทำให้คนอียิปต์โบราณรักษาศพผู้ตายเอาไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย เพื่อที่วิญญาณจะได้กับเข้ามาเข้าร่างได้อีกครั้ง (หาอ่านเพิ่มเติมได้เรื่องของดวงวิญญาณ “คา” กับ “บา”) ทางเดินก่อนจะเข้าห้องมัมมี่จะมีภาพแสดงกรรมวิธีการทำมัมมี่ อย่างคร่าว ๆ ห้องมัมมี่ที่ถูกจัดพิเศษเป็นห้องแอร์ เพื่อควบคุมอุณหภูมิของมัมมี่ และให้เงียบและขลัง เพื่อแสดงความคาวระต่อผู้ตาย หนึ่งในห้องนี้คืออดีตฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่ รามเสสที่ 2 ต้องบอกคำเดียวว่า อารยธรรมเหนือคำบรรยายจริง ๆ






เดินไปทานข้าวเที่ยง เห็นตึกสวยดี





อาหารเที่ยงวันสุดท้ายที่อียิปต์พิเศษกว่าวันอื่น ๆ วันนี้เราจะได้กินอาหารไทยกัน เราคิดถึงอาหารไทยกันสุด ๆ แม้ทุกวันเราจะมีน้ำพริกสารพัด ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกเผา น้ำพริกนรก น้ำพริกตาแดง และน้ำพริกกุ้งเสียบ ที่ส่งเสริมรสชาติอาหารจีน อาหารอียิปต์ อาหารฝรั่งก็เถอะ มันก็ยังไม่ถึงใจเท่าอาหารไทยจริง ๆ ซักที่
ร้านอาหารไทยชื่อบัวขาว อยู่ใกล้ ๆ กับพิพิธภัณฑ์เดินไปแค่ 5 นาทีก็ถึง คนเสิร์ฟและพ่อครัวก็เป็นคนไทย มีแกงเขียวหวานไก่ ลาบปลาทูน่า ผัดผัก ไข่พะโล้ ขนมหวานเป็นกล้วยบวชชี สบายใจ พอมีแรงไปเที่ยวกันต่อช่วงบ่าย









ระหว่างทางที่จะไปช้อปปิ้งส่งท้ายกันที่ตลาดแกรนด์บาร์ซาร์ เราผ่านซิทาเดล ปราสาทเก่าแก่ที่สวยงามยิ่ง ที่มีอายุหลานพันปี ของอียิปต์ยุคกลางหรืออียิปต์อิสลาม เราได้แค่แวะถ่ายรูปอยู่ภายนอก 10 นาทีเท่านั้น

No comments: